การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ครั้งนี้ กองทัพเรือและสำนักช่างสิบหมู่
กรมศิลปากร ได้ดำเนินการซ่อมแซมเครื่องประกอบเรือพระราชพิธีให้มีความงดงาม โดยเฉพาะพายเรือและคัดฉากของเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ที่เป็นพายทองใบข้าว
โดยมีการนำไปลงสีพื้นซึ่งเป็นสีแดงใหม่ เมื่อแห้งแล้วจึงนำมาทาสีน้ำมันซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่ช่างคิดผสมขึ้นมาเองเพราะเป็นสีที่นำมาใช้ทดแทนรัก โดยทิ้งไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง
สีจะแห้งมีความเหนียวมากพอที่จะปิดทองคำเปลวโดยทำคำที่ปิดนั้นเป็นทองคำแท้ทำให้ได้สีทองอร่ามแวววาว เมื่อปิดทองซ้อนกันแล้ว จะใช้นิ้วเกลี่ยแผ่นทองคำให้เรียบเนียน
โดยแต้มเศษทองให้ติดนิ้วแล้วจึงเกลี่ยทองคำเปลวบนใบพาย ซ่อมแซมพู่ประจำเรือดั้ง เรือแซง เรือตำรวจ เรืออีเหลือง เรือแตงโม เรือทองขวานฟ้า เรือทองบ้าบิ่น ทำจากเชือกป่านมะนิลาที่สั่งซื้อมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน
นำมาเย็บบุกับนวมทรงหยดน้ำ เย็บวนจากล่างขึ้นบนซ้อนทับกันประมาณ 7-10 ชั้น ส่วนโล่และเขน จะมีการลอกลวดลายทำต้นแบบ จากนั้นนำไปลอกชั้นสีเก่าออกแล้วพ่นสีรองพื้น พ่นสีดำ 2 ชั้น
ตากไว้ให้แห้งจึงส่งมาให้กลุ่มงานช่างเขียนและช่างลายรดน้ำเขียนลายด้วยสีน้ำมัน ซึ่งเขนเป็นทรงกลม ในอดีตเขนจะทำจากหนังหวายหรือโลหะ เป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ใช้ในศึกสงครามใช้คู่กับดาบ
ลวดลายตรงกลางเป็นสิงห์คาบดาบ ขอบด้านนอกเป็นลายฟันยักษ์ ขนาบด้วยลายเส้นลวด ส่วนโล่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้คู่กับหอกหรือดาบ
เขียนลายเป็นอักขระมงคล 9 ตัวอักษรแฝงไปด้วยคติธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่จัดวางแบบไม่ต่อเนื่อง